SPEEDTRANSLATORS บริษัท แปลภาษาเกาหลี-ไทย ด่วน คุ้มค่า ได้เร็ว ได้ไว บริการแปลให้ถูกต้องตามไวยากรณ์และมีความคล่องตัวทางภาษา SPEEDTRANSLATORS รับแปลทุกภาษา ให้บริการรับแปลเอกสารเป็นภาษาต่าง ๆ บริการแปลภาษามีหลายประเภทและมุ่งเน้นไปที่ความต้องการที่แตกต่างกันของลูกค้าติดต่อ สอบถาม ราคา แปลภาษา ที่ Line: @SPEEDTRANSLATORS โทร: 084-095-8266
ประวัติของภาษาเกาหลี (한국어 – Hangugeo) 🇰🇷
ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่มีประวัติความเป็นมายาวนานและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ปัจจุบันมีผู้พูดภาษานี้มากกว่า 77 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศเกาหลีใต้ เกาหลีเหนือ และชุมชนชาวเกาหลีทั่วโลก
1. ต้นกำเนิดของภาษาเกาหลี 🏯
- นักภาษาศาสตร์ยังไม่สามารถระบุแน่ชัดว่าภาษาเกาหลีมาจากตระกูลภาษาใด
- มีสมมติฐานว่าอาจเกี่ยวข้องกับ ตระกูลภาษาอัลไต (Altaic languages) เช่นเดียวกับ ภาษามองโกเลียและภาษาตุรกี
- อีกแนวคิดหนึ่งคือภาษาเกาหลีอาจมีรากฐานใกล้เคียงกับ ภาษาญี่ปุ่น เนื่องจากมีโครงสร้างไวยากรณ์ที่คล้ายกัน
- ในอดีต ภาษาเกาหลีได้รับอิทธิพลจากภาษาจีนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะ ตัวอักษรฮันจา (한자 – 漢字) ที่ใช้กันมานานหลายศตวรรษ
2. ยุคพัฒนาของภาษาเกาหลี 📜
🏺 ยุคก่อนอักษรฮันกึล (ก่อนศตวรรษที่ 15)
- ภาษาเกาหลีในยุคแรกไม่มีตัวอักษรเป็นของตนเอง
- คนเกาหลีใช้ ตัวอักษรจีน (ฮันจา – 漢字) ในการเขียน
- มีการพัฒนา ระบบการเขียนที่เรียกว่า อีดุ (이두 – Idu) และ ฮยังชาล (향찰 – Hyangchal) ซึ่งเป็นการใช้ตัวอักษรจีนแทนเสียงเกาหลี
📝 การประดิษฐ์อักษรฮันกึล (ศตวรรษที่ 15 – ปี ค.ศ. 1443-1446)
- พระเจ้าเซจงมหาราช (세종대왕 – Sejong Daewang) แห่งราชวงศ์โชซอน (Joseon) ทรงสร้าง อักษรฮันกึล (한글 – Hangul) ขึ้นในปี ค.ศ. 1443 และเผยแพร่ในปี ค.ศ. 1446
- อักษรฮันกึลถูกออกแบบให้ ง่ายต่อการเรียนรู้และใช้ได้กับเสียงพูดของชาวเกาหลี
- เดิมมี 28 ตัวอักษร ปัจจุบันใช้ 24 ตัวอักษร
- ขณะนั้น ขุนนางและชนชั้นสูงยังคงใช้ อักษรฮันจา (ตัวอักษรจีน) ต่อไป
📖 ยุคต่อมาของภาษาเกาหลี (ศตวรรษที่ 16 – 19)
- อักษรฮันกึลถูกใช้อย่างจำกัด โดยส่วนใหญ่ใช้ในหมู่ประชาชนทั่วไป ขณะที่ราชสำนักและนักปราชญ์ยังคงใช้ตัวอักษรจีน
- เริ่มมีวรรณกรรมและเอกสารทางการที่เขียนด้วยอักษรฮันกึลมากขึ้น
- ในช่วงนี้ มีการพัฒนา ไวยากรณ์ และ รูปแบบของประโยค ให้เป็นระบบมากขึ้น
🌏 ยุคอาณานิคมญี่ปุ่น (1910 – 1945)
- ในช่วงที่เกาหลีถูกญี่ปุ่นยึดครอง ภาษาญี่ปุ่นถูกบังคับให้ใช้เป็นภาษาทางการ และการใช้ภาษาเกาหลีถูกจำกัด
- โรงเรียนถูกสั่งห้ามสอนภาษาเกาหลี และประชาชนถูกกดดันให้ใช้ภาษาญี่ปุ่น
- อย่างไรก็ตาม คนเกาหลียังคงใช้ฮันกึลอย่างลับๆ ทำให้ภาษานี้ยังคงอยู่
📢 ยุคปัจจุบัน (1945 – ปัจจุบัน)
- หลังจาก เกาหลีได้รับอิสรภาพในปี 1945 ภาษาเกาหลีกลายเป็นภาษาทางการของทั้งเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้
- เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้พัฒนาภาษาของตนเองแตกต่างกันเล็กน้อย
- เกาหลีเหนือ พยายามกำจัดคำที่ยืมจากภาษาต่างประเทศ โดยเฉพาะคำจากภาษาจีนและอังกฤษ
- เกาหลีใต้ รับอิทธิพลจากภาษาอังกฤษและคำยืมจากภาษาต่างประเทศมากขึ้น
3. ระบบการเขียนของภาษาเกาหลี ✍️
📌 อักษรฮันกึล (한글 – Hangul)
- ระบบอักษรที่ประกอบด้วย พยัญชนะ (자음 – Ja-eum) และ สระ (모음 – Mo-eum)
- ปัจจุบันมี 24 ตัวอักษร (พยัญชนะ 14 ตัว และสระ 10 ตัว)
- การเรียงตัวอักษรในภาษาเกาหลีจะเป็น บล็อกสี่เหลี่ยม ไม่ได้เขียนเรียงเป็นเส้นตรงเหมือนภาษาอังกฤษ
- ตัวอย่าง:
- 안녕하세요 (Annyeonghaseyo) = สวัสดี
- 감사합니다 (Gamsahamnida) = ขอบคุณ
📌 อักษรฮันจา (한자 – 漢字)
- เป็นตัวอักษรจีนที่ใช้ในภาษาเกาหลี
- ปัจจุบัน เกาหลีใต้ยังคงใช้ฮันจาในบางกรณี โดยเฉพาะในหนังสือพิมพ์และเอกสารทางการ
- เกาหลีเหนือเลิกใช้ฮันจาโดยสมบูรณ์
4. ลักษณะเด่นของภาษาเกาหลี 🗣️
✅ เป็นภาษาที่มีระดับความสุภาพ → มีการใช้ 존댓말 (Jondaetmal – ภาษาสุภาพ) และ 반말 (Banmal – ภาษาพูดทั่วไป)
✅ มีโครงสร้างประโยคแบบ SOV (ประธาน-กรรม-กริยา) → เช่น 나는 밥을 먹어요 (Naneun babeul meogeoyo) = ฉันกินข้าว
✅ ไม่มีการเปลี่ยนรูปของคำตามเพศหรือพหูพจน์ → เช่น 사람 (Saram) = คน / คนหลายคน
✅ มีคำยืมจากภาษาต่างประเทศจำนวนมาก → โดยเฉพาะจาก ภาษาจีนและภาษาอังกฤษ เช่น 컴퓨터 (컴퓨터 – Keompyuteo = คอมพิวเตอร์)
5. อิทธิพลของภาษาเกาหลีในโลกปัจจุบัน 🌍
- ภาษาเกาหลีได้รับความนิยมไปทั่วโลกจาก K-Pop, K-Drama และวัฒนธรรมเกาหลี
- มีคำศัพท์ภาษาเกาหลีที่ได้รับการยอมรับในระดับสากล เช่น 오빠 (Oppa – พี่ชาย), 한류 (Hallyu – กระแสเกาหลี), 사랑해 (Saranghae – รักนะ)
- ปัจจุบันมีผู้เรียนภาษาเกาหลีเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะใน จีน ญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และไทย
- รัฐบาลเกาหลีใต้สนับสนุนการสอนภาษาเกาหลีในต่างประเทศ ผ่านสถาบัน King Sejong Institute
ภาษาเกาหลีมีประวัติที่ยาวนานและได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง อักษรฮันกึลถือเป็นหนึ่งในระบบอักษรที่ เรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ ทำให้ภาษาเกาหลีเป็นภาษาที่เรียนรู้ได้ง่ายกว่าภาษาที่ใช้ตัวอักษรภาพอย่างภาษาจีน